เรื่อง: 5 อาการฉุกเฉินในสุนัขและแมว ที่ต้องพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
 
 1579

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

My Name: ขายหมา ออฟไลน์
Administrator
เพศ: ชาย
  • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
19 เม.ย. 64, 21:39:36น.
5 อาการฉุกเฉินในสุนัขและแมว ที่ต้องพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

   อาการฉุกเฉินหลายๆ อาการเจ้าของสุนัขและแมวพอจะทราบ และสามารถรู้ได้ว่าเป็นอาการฉุกเฉินไม่สามารถรอได้ เช่น อาการเลือดออก ถูกรถชน ชัก หมดสติ ไม่มีแรง มีไข้สูง หรือถูกงูกัด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆที่ยังถือว่าเป็นภาวะฉุกเฉินและจำเป็นต้องพาน้องหมา น้องแมวเข้าพบสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุดเช่นกัน



1.   หายใจติดขัด หายใจผิดปกติ

อาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจที่ถือเป็นภาวะฉุกเฉิน คือ อาการหายใจลำบาก (Dyspnea) โดยน้องหมาน้องแมว จะแสดงอาการ อ้าปากหายใจ ยืดคอหรือแหงนหน้าพยายามจะหายใจ เยื่อเมือกบริเวณเหงือกและลิ้นมีสีคล้ำลง หรือเป็นสีม่วง อัตราการหายใจสูงกว่าปกติ (อัตราการหายใจปกติ 12-24 ครั้งต่อนาทีในสุนัข, 20-30 ครั้งต่อนาทีในแมว) เหนื่อยง่าย บางตัวจะกระวนกระวาย ไม่ยอมนอน เพราะว่าหายใจไม่ออก ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่พามาพบสัตวแพทย์ให้ทันเวลาอาจจะเกิดภาวะระบบทางเดินหายใจลิ้มเหลวเฉียบพลัน และเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ หากมีอาการหายใจลำบาก อาจจะมีได้หลายสาเหตุ ทั้งจากโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเอง เช่น โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ โรคหลอดลมตีบ มีสิ่งอุดตันทางเดินหายใจ หรือโรคหัวใจ จึงควรรีบพาน้องหมาน้องแมวที่มีอาการไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคทันที

2.   ปัสสาวะไม่ออก ปวดเบ่งปัสสาวะ

อาการปัสสาวะไม่ออก ปวดเบ่งปัสสาวะ ถือเป็นภาวะฉุกเฉินเช่นกัน หากปล่อยไว้อาจจะทำให้สุนัขและแมวเกิดภาวะ
ไตวายเฉียบพลัน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้ โดยน้องแมวจะแสดงอาการ เข้าออกกระบะทรายบ่อย แต่ไม่พบปัสสาวะหรืออุจาระ ปัสสาวะนอกกระบะทราย หรือบริเวณรอบๆอวัยวะเพศจะเปียกปัสสาวะตลอด ส่วนน้องหมาก็จะพยายามเบ่งปัสสาวะ ยืนปัสสาวะนาน สุนัขตัวผู้อาจจะไม่ยกขาฉี่ แต่จะนั่งยองเหมือนน้องสุนัขเพศเมียแทน เนื่องจากเขาเบ่งปัสสาวะนาน แต่เบ่งไม่ออก

3.   เบ่งคลอด แต่ไม่มีลูกออกมา

โดยทั่วไปน้องหมาและน้องแมวจะตั้งท้องประมาณ 60 วัน ในช่วงวันใกล้คลอดอาจจะพยายามหาที่คลอดตามบริเวณที่เงียบสงบภายในบ้าน เจ้าของควรติดตามดูอาการคลอดใกล้ชิด หากพบว่าน้องหมาน้องแมวของเรามีการเบ่งคลอด แต่ไม่มีลูกออกมาภายใน 30 นาทีหลังแสดงอาการเบ่ง หรือระยะห่างของลูกแต่ละตัวเกิน 1 ชั่วโมง ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ อาจจะมีปัญหาลูกตัวใหญ่เกิน ลูกผิดท่า และถ้าปล่อยไว้นานๆแม่อาจจะหมดแรงเบ่ง ทำให้ลูกเสียชีวิตต่อมาได้

4.   อาเจียนติดต่อกันหลายครั้ง

อาการอาเจียนในสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะในลูกสุนัขและลูกแมวติดต่อกันหลายๆครั้ง เป็นสาเหตุให้สูญเสียแร่ธาตุ และอิเล็คโตรไลท์เป็นจำนวนมาก หรือบางตัวอาจจะอาเจียนเพราะไปกินส่งแปลกปลอม หรือสารพิษเข้าไป ถ้าเป็นการกินสารพิษจำเป็นต้องได้รับการล้างท้องภายใน 4 ชั่วโมงหลังจากกินเข้าไป หากอาเจียนหลายครั้งสุนัขและแมวอาจจะแสดงอาการไม่มีแรง เกิดภาวะขาดน้ำ เหงือกแห้ง จมูกแห้ง และบางตัวอาจเกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ช็อคและเสียชีวิตได้ หากปล่อยไว้หลายวันอาจจะทำให้ยากต่อการรักษา อาการอาเจียนเป็นหนึ่งในอาการร่วมของหลายๆโรค ดังนั้นการพาน้องหมาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อทำการวินิจฉัยโรคจะดีที่สุด

5.   เหงือกซีด ไม่มีแรง

อาการเหงือกซีด หมดแรง นอนไม่ลุก ไม่ขยับร่างกาย อาจจะบ่งบอกถึงภาวะขาดน้ำรุนแรงจากการไม่ได้กินอาหาร หรือกินน้ำมาหลายวัน หรือมีอาการอาเจียนถ่ายเหลวเป็นจำนวนมากทำให้เกิดการขาดน้ำ ปกติสีเหงือกของสุนัขชุ่มชื้นและเป็นสีชมพู  น้องแมวอาจจะมีสีเหงือกเป็นสีชมพูอ่อนกว่าในสุนัข ซึ่งเหงือกสีชมพูแสดงถึงการไหลเวียนของเลือดเป็นปกติดี หรือมีปริมาณเม็ดเลือดแดงในน้ำเลือดระดับปกติ หากพบอาการเหงือกซีดเป็นสีขาว จึงอาจจะบ่งบอกถึงภาวะโลหิตจางรุนแรง ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันจากการสูญเสียเลือดปริมาณมากหรือเกิดจากมีจำนวนเม็ดเลือดในน้ำเลือดน้อยกว่าปกติ

   หากเจ้าของน้องหมาและน้องแมวพบอาการเหล่านี้ ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรดูแลอาการอย่างใกล้ชิดและพาน้องหมาน้องแมวของเราไปพบสัตวแพทย์ หรือปรึกษาอาการกับสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุด


Tags: