แปรงฟันให้น้องแมว สิ่งที่คนรักแมวต้องรู้ แมวเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายพันปี โดยแมวนั้นปรับตัวให้สามารถเข้าอยู่อาศัยร่วมกับมนุษย์ พฤติกรรมต่างๆเปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนที่เป็นสัตว์กลายมาเป็นสัตว์บ้านที่มนุษย์คอยดูแล
โดยสิ่งที่เปลี่ยนไปชัดเจนคือการ กินอาหารของแมว โดยธรรมดาแล้วแมวจะกินเนื้อดิบ โดยจากการล่าสัตว์ในป่า แต่ในปัจจุบันแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงจะกินอาหารที่คนเลี้ยงนำมาให้กิน ซึ่งอาหารเหล่านั้นส่งผลต่อสุขภาพของปากและฟันของแมว ดังนั้นบางคนจึงได้เกิดข้อสงสัยว่า เราจะเป็นต้องจำเป็นที่ทำความสะอาดให้พวกมันไหม ด้วยการแปรงฟันแมวหรือเปล่า?
การแปรงฟันแมว จำเป็นหรือไม่? การแปรงฟันแมวเลี้ยงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะลักษณะโครงสร้างฟันของแมวมีรอยหยักค่อนข้างมาก ทำให้มีพื้นที่ผิวมาก เอื้อต่อการสะสมแบคทีเรียที่ทำให้เกิดคราบพลาค (Plaque) และกลายเป็นหินปูนได้ในเวลาต่อมา
หากบ้านไหนเลี้ยงแมวด้วยอาหารปรุงเองหรืออาหารเปียก ก็จะยิ่งเร่งให้เกิดคราบพลาคได้ง่าย เราจึงยิ่งควรแปรงฟันให้พวกมัน
แมวอายุเท่าไรถึงควรเริ่มแปรงฟัน?ผู้เลี้ยงสามารถเริ่มแปรงฟันแมวได้ตั้งแต่แมวเริ่มมีฟันน้ำนม โดยใช้วิธีสร้างความคุ้นเคยที่จะมีสิ่งแปลกปลอมเข้าปากก่อนจะแปรงฟันจริง โดยอาจใช้วิธีจับปากแมวบ่อยๆ เอานิ้วแหย่ปากแมวเบาๆ หัดใช้ไซริงก์ป้อนนมแพะ
เพื่อให้แมวเกิดความเคยชิน เวลาที่เจ้าของจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างกับปากแมว เช่น การป้อนยา การแปรงฟัน จะได้ไม่เกิดปัญหา
การเลือกแปรงสีฟัน ยาสีฟัน และน้ำยาบ้วนปากให้แมว การเลือกแปรงสีฟันให้แมวนั้นเลือกไม่ยาก ให้เลือกแปรงที่มีขนแปรงไม่แข็งเกินไปนุ่มพอประมาณ เพื่อไม่ให้เหงือกแมวบาดเจ็บ เลือกแบบมีด้ามหรือไม่มีก็ได้
ส่วนยาสีฟันที่ใช้ควรเลือกยาสีฟันที่ผลิตมาสำหรับสัตว์โดยเฉพาะ ปัจจุบันมีการผลิตออกมาหลายกลิ่นหลายรสเพื่อให้ง่ายต่อการแปรงฟันสัตว์
ส่วนน้ำยาบ้วนปากอาจไม่จำเป็นสำหรับสัตว์ และไม่มีแบบที่ผิตมาสำหรับสัตว์โดยเฉพาะ ยกเว้นในกรณีที่แมวมีปัญหาในช่องปาก สัตวแพทย์อาจจ่ายน้ำยาบ้วนปาก C20 เพื่อใช้รักษาอาการป่วย
เจลหรือน้ำยาป้องกันการเกิดหินปูน ดีกับแมวจริงไหม? ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการสะสมคราบพลาคเพื่อลดการเกิดหินปูนสำหรับสัตว์เลี้ยง มีทั้งแบบเจลป้ายฟันและแบบน้ำยาผสมน้ำดื่ม
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้ผลดีในระดับหนึ่ง เหมาะสำหรับสัตว์ที่ยังไม่มีคราบหินปูนสะสม แต่หากมีหินปูนเกาะฟันแล้ว ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไม่ได้ผล ควรพาไปขูดหินปูน
แมวฟันเหลือง แมวปากเหม็น แปรงฟันช่วยได้ไหม? กรณีที่แมวฟันเหลือง อาจต้องพาไปพบสัตวแพทย์ เพื่อตรวจว่าฟันมีสีออกเหลืองจากสาเหตุใด หากเหลืองเนื่องจากการสะสมหินปูนไม่มาก อาจใช้วิธีแปรงฟัน แต่ถ้าสะสมมาก อาจจำเป็นต้องขูดหินปูน
ส่วนฟันเหลืองจากสาเหตุอื่นที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการแปรงฟัน ได้แก่ ฟันเหลืองเนื่องการชั้นเคลือบฟันสีขาวนวลสึกกร่อนจนมองเห็นชั้นเนื้อฟันสีเหลืองอ่อน ฟันเหลืองเนื่องจากการได้รับสารพิษหรือยาบางชนิด เช่น ยาในกลุ่มเตตระไซคลิน (Tetracyclin) กลุ่มนี้จะฟันเหลืองถาวร
แมวปากเหม็นก็จำเป็นต้องให้สัตวแพทย์ตรวจดูเช่นกัน ว่ากลิ่นปากนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร หากกลิ่นปากเกิดจากเศษอาหารตกค้างตามซอกฟัน ก็สามารถแปรงฟันเพื่อลดการสะสมแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปากได้
แต่ถ้าหากกลิ่นปากมีสาเหตุมาจากความเจ็บป่วยต่างๆ ต้องได้รับการรักษาแก้ไขที่ต้นเหตุ กลิ่นปากจึงจะลดลง
ตัวอย่างความเจ็บป่วยที่ทำให้แมวมีกลิ่นปาก เช่น
• โรคตับ โรคไต ที่ทำให้เกิดมีของเสียค้างในกระแสเลือดมาก และแพร่ออกมาตามเส้นเลือดฝอยจนมีกลิ่นออกมาทางลมหายใจ
• ภาวะเหงือกอักเสบที่อาจเกิดจากการมีหินปูนสะสม
• การติดโรคจากไวรัส
• ภาวะช่องปากอักเสบจากการบาดเจ็บต่างๆ
ควรแปรงฟันแมวบ่อยแค่ไหน? เจ้าของแมวควรแปรงฟันให้แมวอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น เช่นเดียวกับคนเพื่อขจัดการสะสมคราบพลาคที่เกิดจากการกินอาหารในแต่ละวัน หากไม่สามารถแปรงได้ทุกวัน ควรใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดฟันแทน
ควรพาแมวไปขูดหินปูนหรือไม่? คำตอบคือสมควรเป็นอย่างยิ่ง โดยควรพาแมวไปตรวจสุขภาพช่องปากกับสัตวแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งในแมวทั่วไป และอย่างน้อยปีละ 2 ครั้งในแมวสูงวัย ส่วนแมวที่มีปัญหาสุขภาพช่องปาก ควรไปตรวจช่องปากทุก 3-4 เดือน
การขูดหินปูนในแมวก็เช่นเดียวกับในสัตว์ชนิดออื่นๆ ที่จำเป็นต้องวางยาสลบ ดังนั้นจึงควรเข้ารับการตรวจเลือด ตรวจสุขภาพ เพื่อ
เตรียมความพร้อมก่อนข้ารับการวางยาสลบ ซึ่งภายหลัง การขูดหินปูน คุณจะพบว่าแมวจะมีอาการเหงือกอักเสบได้บางครั้ง เนื่องจากเป็นการขูดที่จำเป็นต้องขูดให้จนถึงซอฟของเหงือก เพื่อที่จำนะหินปูนออกให้หมด และมีการขัดที่พันเหมือนกับคนที่เคยไปขูดหินปูน
โดยสัตวแพทย์จะดูก่อนว่าสภาพของช่องปากของแมว หลังจากการขูดหินปูน ว่าจะต้องได้รีบยาลดอาการอักเสบหรือยาปฏิชีวนะ หรือไม่
เมื่อคุณอ่านบทความนี้แล้ว คุณคงรู้แล้วว่าควรดูแลน้องแมวของคุณให้ดี และดูแลช่องปากของแมวสุดที่รักของคุณด้วยเช่นกัน หวังว่าบทความนี้จะช่วยในการตัดสินใจในการดูแลช่องปากของน้องแมวของทุกท่านจ้าาาา