เรื่อง: การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อสุนัขเลือดกำเดาไหล
 
 2167

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

My Name: ขายหมา ออฟไลน์
Administrator
เพศ: ชาย
  • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
24 ก.ค. 64, 20:36:16น.
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อสุนัขเลือดกำเดาไหล

   สุนัขก็มีอาการเลือดกำเดาไหลได้เหมือนกับคน ซึ่งหมายถึงอาการที่สุนัขมีเลือดไหลออกมาจากจมูก บางตัวอาจจะเลียกินเข้าไปอาจจะทำให้สังเกตุยากหากมีเลือดกำเดาไหลปริมาณไม่มาก โดยมากมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนี้ อาจจะเกิดจกอุบัติเหตุ การจามรุนแรง หรือาจจะเป็นสาเหตุที่อันตรายมากกว่านั้น



สาเหตุที่ทำให้เกิดเลือดกำเดาไหลในสุนัข

   สาเหตุส่วนมากที่ทำให้เกิดเลือดกำเดาไหลในสุนัข คือ อุบัติเหตุ โดนกระแทก หรือเป็นโรคพยาธิเม็ดเลือด ซึ่งทำให้เกิดภาวะเกล็ดเลือดต่ำ เมื่อเส้นเลือดฝอยในโพรงจมูกฉีกขาดเลือดจึงไหลไม่หยุด นอกจากนั้นยังมีสาเหตุอื่นๆ เช่น
-   การที่สุนัขได้รับยาเบื่อหนูบางชนิด
-   การเป็นโรคความผิดปกติของปัจจัยการแข็งตัวของเลือด หรือ Von Willebrand's พบได้ในสุนัขสายพันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ด
-   โรคฮีโมฟีเลีย
-   โรคตับวาย
-   ภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
-   ภาวะภูมิคุ้มกันทำลายเกล็ดเลือดตัวเอง
-   ภาวะเกี่ยวกับไขกระดูกทำงานผิดปกติ
-   โรคพยาธิเม็ดเลือดในสุนัข
-   โรคมะเร็งหลอดเลือด หรือโรคมะเร็งโพรงจมูก
-   การติดเชื้อราที่โพรงจมูก
   
การปฐมพยาบาลสุนัขที่เลือดกำเดาไหล

-   พยายามทำให้สุนัขสงบลง ด้วยการปลอบ พูดคุย และพาไปอยู่ในบริเวณที่คุ้นเคยปลอดภัย เมื่อสุนัขลดอาการตื่นเต้นลง จะส่งผลให้ระดับความดันเลือดลดลง และจะช่วยทำให้เลือดกำเดาหยุดไหลได้
-   ใช้น้ำแข็งห่อผ้า หรือเจลเย็นโปะลงบนจมูกด้านบนหรือสันจมูกของสุนัข และต้องระวังการปิดกั้นทางเดินหายใจสำหรับสุนัขพันธุ์หน้าสั้น ซึ่งจะมีพื้นที่บริเวณสันจมูกน้อยกว่า อาจจะใช้น้ำแข็งขนาดเล็กกว่า
-   พยายามให้สุนัขอยู่ในที่อากาศเย็นๆ มีอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ร้อน หรือมีความชื้นสูง เพื่อให้หายใจได้สะดวก
-   ไม่ควรพยายามให้ยาใดๆกับสุนัข นอกจากได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์โดยตรง
-   หลังจากที่ได้ลองปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วแต่เลือดยังไม่หยุดไหล ควรพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์ และระหว่างการเดินทางอาจจะใช้น้ำแข็งโปะไปด้วยก็ได้
-   นอกจากการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว เจ้าของสุนัขควรจะพาสุนัขที่มีอาการไปตรวจร่างกายกับสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาสาเหตุของอาการเลือดกำเดาไหลต่อไป



Tags: