แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ขายหมา

1
รวม 10 วีรกรรม สายพันธุ์ ไซบีเรียนฮัสกี้



1. อย่าได้ปล่อยให้ออกจากบ้าน ไม่มีทางที่กลับมาบ้านได้



2. มีน้ำที่ไหน ต้องลงเล่นที่นั่น



3. เสียงหอน นี่ยิ่งกว่าไซเรน



4. อย่าได้ทิ้งไซบีเรียน ฮัสกี้ ไว้บ้านตัวเดียวเด็ดขาด แนะนำอย่าได้ลอง



5. เวลาอยู่บ้านกับเจ้าของ เหมือนเลี้ยงเเมว 555



6. โซฟาบ้านไม่ฟัง แน่นอนไซบีเรียนคุณ พันธุ์ปลอม 5555



7. ผักสวนครัว ปลูกข้างบ้าน ไม่น่าจะรอด



8. รถยนต์ หรือ มอไซต๋ นั่นแหละของเล่นชิ้นดีของไซบีเรียน ฮัสกี้
9. พาไซบีเรียนไปเดินเล่น จะเป็นความสุขของมันมาก แต่เราต้องคุมมันให้ดี
10. ถ้าคุณได้เลี้ยง มันจะทำให้คุณหัวเราะ ไปพร้อมกับความติงต๊ององมัน









2
รวม 10 วีรกรรม สายพันธุ์ ไซบีเรียนฮัสกี้



1. อย่าได้ปล่อยให้ออกจากบ้าน ไม่มีทางที่กลับมาบ้านได้



2. มีน้ำที่ไหน ต้องลงเล่นที่นั่น



3. เสียงหอน นี่ยิ่งกว่าไซเรน



4. อย่าได้ทิ้งไซบีเรียน ฮัสกี้ ไว้บ้านตัวเดียวเด็ดขาด แนะนำอย่าได้ลอง



5. เวลาอยู่บ้านกับเจ้าของ เหมือนเลี้ยงเเมว 555



6. โซฟาบ้านไม่ฟัง แน่นอนไซบีเรียนคุณ พันธุ์ปลอม 5555



7. ผักสวนครัว ปลูกข้างบ้าน ไม่น่าจะรอด



8. รถยนต์ หรือ มอไซต๋ นั่นแหละของเล่นชิ้นดีของไซบีเรียน ฮัสกี้
9. พาไซบีเรียนไปเดินเล่น จะเป็นความสุขของมันมาก แต่เราต้องคุมมันให้ดี
10. ถ้าคุณได้เลี้ยง มันจะทำให้คุณหัวเราะ ไปพร้อมกับความติงต๊ององมัน









3
รวม 10 วีรกรรม สายพันธุ์ ไซบีเรียนฮัสกี้



1. อย่าได้ปล่อยให้ออกจากบ้าน ไม่มีทางที่กลับมาบ้านได้



2. มีน้ำที่ไหน ต้องลงเล่นที่นั่น



3. เสียงหอน นี่ยิ่งกว่าไซเรน



4. อย่าได้ทิ้งไซบีเรียน ฮัสกี้ ไว้บ้านตัวเดียวเด็ดขาด แนะนำอย่าได้ลอง



5. เวลาอยู่บ้านกับเจ้าของ เหมือนเลี้ยงเเมว 555



6. โซฟาบ้านไม่ฟัง แน่นอนไซบีเรียนคุณ พันธุ์ปลอม 5555



7. ผักสวนครัว ปลูกข้างบ้าน ไม่น่าจะรอด



8. รถยนต์ หรือ มอไซต๋ นั่นแหละของเล่นชิ้นดีของไซบีเรียน ฮัสกี้
9. พาไซบีเรียนไปเดินเล่น จะเป็นความสุขของมันมาก แต่เราต้องคุมมันให้ดี
10. ถ้าคุณได้เลี้ยง มันจะทำให้คุณหัวเราะ ไปพร้อมกับความติงต๊ององมัน









4
รวม 10 วีรกรรม สายพันธุ์ ไซบีเรียนฮัสกี้



1. อย่าได้ปล่อยให้ออกจากบ้าน ไม่มีทางที่กลับมาบ้านได้



2. มีน้ำที่ไหน ต้องลงเล่นที่นั่น



3. เสียงหอน นี่ยิ่งกว่าไซเรน



4. อย่าได้ทิ้งไซบีเรียน ฮัสกี้ ไว้บ้านตัวเดียวเด็ดขาด แนะนำอย่าได้ลอง



5. เวลาอยู่บ้านกับเจ้าของ เหมือนเลี้ยงเเมว 555



6. โซฟาบ้านไม่ฟัง แน่นอนไซบีเรียนคุณ พันธุ์ปลอม 5555



7. ผักสวนครัว ปลูกข้างบ้าน ไม่น่าจะรอด



8. รถยนต์ หรือ มอไซต๋ นั่นแหละของเล่นชิ้นดีของไซบีเรียน ฮัสกี้
9. พาไซบีเรียนไปเดินเล่น จะเป็นความสุขของมันมาก แต่เราต้องคุมมันให้ดี
10. ถ้าคุณได้เลี้ยง มันจะทำให้คุณหัวเราะ ไปพร้อมกับความติงต๊ององมัน









5
10 สายพันธุ์น้องหมาที่ทนต่อโรคอึดต่อโรค



1. บีเกิ้ล (Beagle)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคอ้วน อักเสบข้อเข่า และโรคหูและตา แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเบาหวานเมื่อมีอายุมากขึ้น



2. บอสตันเทอร์เรียร์ (Boston Terrier)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคหัวใจและปอด แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตับและโรคผิวหนัง



3. ชิวาว่า (Chihuahua)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคอ้วน อักเสบข้อเข่า และโรคตา แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจและโรคเบาหวาน



4. ชิสุ (Shih Tzu)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคผิวหนัง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตับ โรคหัวใจ และโรคต่อมน้ำเหลือง



5. ดัชชุน (Dachshund)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคกระดูก อักเสบข้อเข่า และโรคหลอดเลือดในสมอง แต่ข้อเสียยังมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจและโรคผิวหนัง



6. บูลด็อก (Bulldog)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคหัวใจ แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคผิวหนัง และโรคหอบหืด



7. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคข้อต่อ โรคหัวใจ และโรคผิวหนัง



8. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคต่อมน้ำเหลือง โรคกระดูก และโรคหัวใจ



9. พุดเดิ้ล (Poodle)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคผิวหนัง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตา โรคหัวใจ และโรคต่อมน้ำเหลือง



10. ยอร์กเชียร์  (Yorkshire Terrier)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคผิวหนัง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคต่อมน้ำเหลือง และโรคหัวใจ

       ภาพรวมของสายพันธุ์หมาที่มีความทนต่อโรคสูง สามารถสรุปได้ว่ามีหลายสายพันธุ์ที่มีความต่างกันด้านความทนต่อโรค โดยสายพันธุ์บางสายอาจมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคบางชนิดได้ง่ายขึ้น ดังนั้น การดูแลสุขภาพหมาทุกสายพันธุ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรค และสามารถส่งเสริมสุขภาพดีให้กับหมาได้ โดยทั่วไปแล้วการดูแลสุขภาพของหมา ประกอบด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ การให้อาหารที่เหมาะสม การตรวจสุขภาพประจำปี การรับวัคซีน และการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อป้องกันโรคและบำรุงรักษาสุขภาพดีในระยะยาวให้กับหมาของคุณได้เติมเต็มความสุขในชีวิตประจำวันของมัน การพบคุณหมอสัตวแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพและรับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของหมาก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน


6
10 สายพันธุ์น้องหมาที่ทนต่อโรคอึดต่อโรค



1. บีเกิ้ล (Beagle)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคอ้วน อักเสบข้อเข่า และโรคหูและตา แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเบาหวานเมื่อมีอายุมากขึ้น



2. บอสตันเทอร์เรียร์ (Boston Terrier)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคหัวใจและปอด แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตับและโรคผิวหนัง



3. ชิวาว่า (Chihuahua)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคอ้วน อักเสบข้อเข่า และโรคตา แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจและโรคเบาหวาน



4. ชิสุ (Shih Tzu)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคผิวหนัง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตับ โรคหัวใจ และโรคต่อมน้ำเหลือง



5. ดัชชุน (Dachshund)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคกระดูก อักเสบข้อเข่า และโรคหลอดเลือดในสมอง แต่ข้อเสียยังมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจและโรคผิวหนัง



6. บูลด็อก (Bulldog)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคหัวใจ แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคผิวหนัง และโรคหอบหืด



7. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคข้อต่อ โรคหัวใจ และโรคผิวหนัง



8. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคต่อมน้ำเหลือง โรคกระดูก และโรคหัวใจ



9. พุดเดิ้ล (Poodle)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคผิวหนัง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตา โรคหัวใจ และโรคต่อมน้ำเหลือง



10. ยอร์กเชียร์  (Yorkshire Terrier)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคผิวหนัง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคต่อมน้ำเหลือง และโรคหัวใจ

       ภาพรวมของสายพันธุ์หมาที่มีความทนต่อโรคสูง สามารถสรุปได้ว่ามีหลายสายพันธุ์ที่มีความต่างกันด้านความทนต่อโรค โดยสายพันธุ์บางสายอาจมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคบางชนิดได้ง่ายขึ้น ดังนั้น การดูแลสุขภาพหมาทุกสายพันธุ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรค และสามารถส่งเสริมสุขภาพดีให้กับหมาได้ โดยทั่วไปแล้วการดูแลสุขภาพของหมา ประกอบด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ การให้อาหารที่เหมาะสม การตรวจสุขภาพประจำปี การรับวัคซีน และการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อป้องกันโรคและบำรุงรักษาสุขภาพดีในระยะยาวให้กับหมาของคุณได้เติมเต็มความสุขในชีวิตประจำวันของมัน การพบคุณหมอสัตวแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพและรับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของหมาก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน


7
10 สายพันธุ์น้องหมาที่ทนต่อโรคอึดต่อโรค



1. บีเกิ้ล (Beagle)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคอ้วน อักเสบข้อเข่า และโรคหูและตา แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเบาหวานเมื่อมีอายุมากขึ้น



2. บอสตันเทอร์เรียร์ (Boston Terrier)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคหัวใจและปอด แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตับและโรคผิวหนัง



3. ชิวาว่า (Chihuahua)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคอ้วน อักเสบข้อเข่า และโรคตา แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจและโรคเบาหวาน



4. ชิสุ (Shih Tzu)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคผิวหนัง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตับ โรคหัวใจ และโรคต่อมน้ำเหลือง



5. ดัชชุน (Dachshund)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคกระดูก อักเสบข้อเข่า และโรคหลอดเลือดในสมอง แต่ข้อเสียยังมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจและโรคผิวหนัง



6. บูลด็อก (Bulldog)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคหัวใจ แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคผิวหนัง และโรคหอบหืด



7. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคข้อต่อ โรคหัวใจ และโรคผิวหนัง



8. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคต่อมน้ำเหลือง โรคกระดูก และโรคหัวใจ



9. พุดเดิ้ล (Poodle)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคผิวหนัง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตา โรคหัวใจ และโรคต่อมน้ำเหลือง



10. ยอร์กเชียร์  (Yorkshire Terrier)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคผิวหนัง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคต่อมน้ำเหลือง และโรคหัวใจ

       ภาพรวมของสายพันธุ์หมาที่มีความทนต่อโรคสูง สามารถสรุปได้ว่ามีหลายสายพันธุ์ที่มีความต่างกันด้านความทนต่อโรค โดยสายพันธุ์บางสายอาจมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคบางชนิดได้ง่ายขึ้น ดังนั้น การดูแลสุขภาพหมาทุกสายพันธุ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรค และสามารถส่งเสริมสุขภาพดีให้กับหมาได้ โดยทั่วไปแล้วการดูแลสุขภาพของหมา ประกอบด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ การให้อาหารที่เหมาะสม การตรวจสุขภาพประจำปี การรับวัคซีน และการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อป้องกันโรคและบำรุงรักษาสุขภาพดีในระยะยาวให้กับหมาของคุณได้เติมเต็มความสุขในชีวิตประจำวันของมัน การพบคุณหมอสัตวแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพและรับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของหมาก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน


8
10 สายพันธุ์น้องหมาที่ทนต่อโรคอึดต่อโรค



1. บีเกิ้ล (Beagle)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคอ้วน อักเสบข้อเข่า และโรคหูและตา แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเบาหวานเมื่อมีอายุมากขึ้น



2. บอสตันเทอร์เรียร์ (Boston Terrier)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคหัวใจและปอด แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตับและโรคผิวหนัง



3. ชิวาว่า (Chihuahua)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคอ้วน อักเสบข้อเข่า และโรคตา แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจและโรคเบาหวาน



4. ชิสุ (Shih Tzu)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคผิวหนัง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตับ โรคหัวใจ และโรคต่อมน้ำเหลือง



5. ดัชชุน (Dachshund)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคกระดูก อักเสบข้อเข่า และโรคหลอดเลือดในสมอง แต่ข้อเสียยังมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจและโรคผิวหนัง



6. บูลด็อก (Bulldog)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคหัวใจ แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคผิวหนัง และโรคหอบหืด



7. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคข้อต่อ โรคหัวใจ และโรคผิวหนัง



8. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคต่อมน้ำเหลือง โรคกระดูก และโรคหัวใจ



9. พุดเดิ้ล (Poodle)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคผิวหนัง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตา โรคหัวใจ และโรคต่อมน้ำเหลือง



10. ยอร์กเชียร์  (Yorkshire Terrier)  สายพันธุ์นี้มีความทนต่อโรคสูง โดยเฉพาะโรคผิวหนัง แต่ข้อเสียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคต่อมน้ำเหลือง และโรคหัวใจ

       ภาพรวมของสายพันธุ์หมาที่มีความทนต่อโรคสูง สามารถสรุปได้ว่ามีหลายสายพันธุ์ที่มีความต่างกันด้านความทนต่อโรค โดยสายพันธุ์บางสายอาจมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคบางชนิดได้ง่ายขึ้น ดังนั้น การดูแลสุขภาพหมาทุกสายพันธุ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรค และสามารถส่งเสริมสุขภาพดีให้กับหมาได้ โดยทั่วไปแล้วการดูแลสุขภาพของหมา ประกอบด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ การให้อาหารที่เหมาะสม การตรวจสุขภาพประจำปี การรับวัคซีน และการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อป้องกันโรคและบำรุงรักษาสุขภาพดีในระยะยาวให้กับหมาของคุณได้เติมเต็มความสุขในชีวิตประจำวันของมัน การพบคุณหมอสัตวแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพและรับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของหมาก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน


9
10 วิธีคลายร้อนให้น้องหมาน้องแมวในช่วงหน้าร้อน



เมื่ออากาศร้อนร้อนขนาดนี้ เรามาดูคลายร้อนให้น้องหมาและน้องแมวกันเล้ยย

1. มีน้ำวางไว้ตลอด
   ตั้งภาชนะน้ำที่มีน้ำสะอาดและเย็นให้น้องหมาน้องแมวดื่มเวลาที่ต้องการ หมั่นเปลี่ยนน้ำใหม่อย่างน้อยวันละครั้ง

2. เปิดพัดลมหรือแอร์
   ให้ความเย็นในพื้นที่ที่สัตว์เลี้ยงอยู่ เพื่อให้น้องหมาและน้องแมวมีที่พักผ่อนที่สบาย

3. หลีกเลี่ยงการนำสัตว์เลี้ยงออกไปเดินเล่นในเวลาที่อากาศร้อนมาก
   ก่อนจะพาไปเดินเล่นควรเลือกเวลาที่อากาศเย็นขึ้น เช่น ช่วงเช้าเร็นหรือเย็นช่วงหัวค่ำ

4. ควรมีที่กันแดดหรือพื้นที่ที่มีร่มเงา
   ตั้งที่พักผ่อนสำหรับสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ที่มีร่มเงา หรือในขณะที่นอนอยู่บ้านให้พื้นที่ที่มีการหมุนเวียนอากาศดี

5. ใช้เครื่องฉีดน้ำหรือผ้าขั้นชื้น
   ฉีดน้ำบางๆ บริเวณคอ, หู, และกระดูกเชิงกรานของน้องหมา ส่วนน้องแมวใช้ผ้าขั้นชื้นเช็ดบริเวณตัวเพื่อช่วยลดอุณหภูมิ

6. อย่าทิ้งสัตว์เลี้ยงในรถ
   อุณหภูมิภายในรถที่ไม่มีการระบายอากาศสามารถสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้น้องหมาและน้องแมวเสี่ยงต่อขาดอากาศ หรือเสียชีวิต

7. ตัดขนให้สั้นเล็กน้อย
   สำหรับสุนัขหรือแมวที่มีขนหนา แต่อย่าตัดให้หมดเพราะขนยังคงเป็นเครื่องป้องกันแสงแดดและความร้อนอยู่บ้าง

8. ฉีดน้ำในช่วงเวลาเย็น
   จัดเตรียมพื้นที่ที่สัตว์เลี้ยงสามารถเล่นน้ำได้ เพื่อช่วยลดความร้อน ตัวอย่างเช่น ให้น้องหมาเล่นกับสปริงเกอร์น้ำ หรือให้น้องแมวเล่นกับขามน้ำเล็กๆ

9. ตรวจสอบอุณหภูมิของพื้น
   พื้นที่ร้อนอาจทำให้น้องหมาหรือน้องแมวเจ็บเท้า ให้ทดลองวางมือบนพื้นดูว่าร้อนจนสามารถทนได้หรือไม่ หากไม่ทน ก็หลีกเลี่ยงพื้นที่นั้น

10. ให้อาหารเย็นๆ
   คุณสามารถปรับเปลี่ยนเมนูของน้องหมาและน้องแมวเป็นอาหารที่เย็นๆ เช่น ไอศกรีมพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยง หรือแช่อาหารเปียกในตู้เย็นก่อนให้เพื่อช่วยลดความร้อน

   การดูแลสัตว์เลี้ยงในอากาศร้อนเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรให้ความสนใจ ดูสัญญาณของการเป็นลมของสัตว์เลี้ยง เช่น หายใจเร็วและแรง, น้ำลายข้น, ความวิตกกังวล, อ่อนเพลีย, อาการชัก, หรืออาการผิดปกติอื่นๆ หากคุณสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้ ควรนำสัตว์เลี้ยงไปพบสัตว์แพทย์ทันที

นอกจากนี้ อย่าลืมให้ความรักและความใส่ใจกับสัตว์เลี้ยงของคุณ และสังเกตุพฤติกรรมของพวกเขา เพื่อแน่ใจว่าพวกเขาอยู่ในสภาพที่ดีและสบายใจในอากาศที่ร้อนอบอ้าว

สุดท้าย ควรหารือกับสัตว์แพทย์เกี่ยวกับคำแนะนำเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ โดยเฉพาะถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณมีอายุมากขึ้น มีปัญหาสุขภาพ หรือเป็นพันธุ์ที่เสี่ยงต่อความร้อน การดูแลสัตว์เลี้ยงให้สุขภาพดีและปลอดภัยในอากาศร้อนเป็นหน้าที่ของเจ้าของสัตว์เลี้ยง ดังนั้น ให้ใส่ใจและดูแลน้องหมาและน้องแมวของคุณให้เต็มที่


10
10 วิธีคลายร้อนให้น้องหมาน้องแมวในช่วงหน้าร้อน



เมื่ออากาศร้อนร้อนขนาดนี้ เรามาดูคลายร้อนให้น้องหมาและน้องแมวกันเล้ยย

1. มีน้ำวางไว้ตลอด
   ตั้งภาชนะน้ำที่มีน้ำสะอาดและเย็นให้น้องหมาน้องแมวดื่มเวลาที่ต้องการ หมั่นเปลี่ยนน้ำใหม่อย่างน้อยวันละครั้ง

2. เปิดพัดลมหรือแอร์
   ให้ความเย็นในพื้นที่ที่สัตว์เลี้ยงอยู่ เพื่อให้น้องหมาและน้องแมวมีที่พักผ่อนที่สบาย

3. หลีกเลี่ยงการนำสัตว์เลี้ยงออกไปเดินเล่นในเวลาที่อากาศร้อนมาก
   ก่อนจะพาไปเดินเล่นควรเลือกเวลาที่อากาศเย็นขึ้น เช่น ช่วงเช้าเร็นหรือเย็นช่วงหัวค่ำ

4. ควรมีที่กันแดดหรือพื้นที่ที่มีร่มเงา
   ตั้งที่พักผ่อนสำหรับสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ที่มีร่มเงา หรือในขณะที่นอนอยู่บ้านให้พื้นที่ที่มีการหมุนเวียนอากาศดี

5. ใช้เครื่องฉีดน้ำหรือผ้าขั้นชื้น
   ฉีดน้ำบางๆ บริเวณคอ, หู, และกระดูกเชิงกรานของน้องหมา ส่วนน้องแมวใช้ผ้าขั้นชื้นเช็ดบริเวณตัวเพื่อช่วยลดอุณหภูมิ

6. อย่าทิ้งสัตว์เลี้ยงในรถ
   อุณหภูมิภายในรถที่ไม่มีการระบายอากาศสามารถสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้น้องหมาและน้องแมวเสี่ยงต่อขาดอากาศ หรือเสียชีวิต

7. ตัดขนให้สั้นเล็กน้อย
   สำหรับสุนัขหรือแมวที่มีขนหนา แต่อย่าตัดให้หมดเพราะขนยังคงเป็นเครื่องป้องกันแสงแดดและความร้อนอยู่บ้าง

8. ฉีดน้ำในช่วงเวลาเย็น
   จัดเตรียมพื้นที่ที่สัตว์เลี้ยงสามารถเล่นน้ำได้ เพื่อช่วยลดความร้อน ตัวอย่างเช่น ให้น้องหมาเล่นกับสปริงเกอร์น้ำ หรือให้น้องแมวเล่นกับขามน้ำเล็กๆ

9. ตรวจสอบอุณหภูมิของพื้น
   พื้นที่ร้อนอาจทำให้น้องหมาหรือน้องแมวเจ็บเท้า ให้ทดลองวางมือบนพื้นดูว่าร้อนจนสามารถทนได้หรือไม่ หากไม่ทน ก็หลีกเลี่ยงพื้นที่นั้น

10. ให้อาหารเย็นๆ
   คุณสามารถปรับเปลี่ยนเมนูของน้องหมาและน้องแมวเป็นอาหารที่เย็นๆ เช่น ไอศกรีมพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยง หรือแช่อาหารเปียกในตู้เย็นก่อนให้เพื่อช่วยลดความร้อน

   การดูแลสัตว์เลี้ยงในอากาศร้อนเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรให้ความสนใจ ดูสัญญาณของการเป็นลมของสัตว์เลี้ยง เช่น หายใจเร็วและแรง, น้ำลายข้น, ความวิตกกังวล, อ่อนเพลีย, อาการชัก, หรืออาการผิดปกติอื่นๆ หากคุณสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้ ควรนำสัตว์เลี้ยงไปพบสัตว์แพทย์ทันที

นอกจากนี้ อย่าลืมให้ความรักและความใส่ใจกับสัตว์เลี้ยงของคุณ และสังเกตุพฤติกรรมของพวกเขา เพื่อแน่ใจว่าพวกเขาอยู่ในสภาพที่ดีและสบายใจในอากาศที่ร้อนอบอ้าว

สุดท้าย ควรหารือกับสัตว์แพทย์เกี่ยวกับคำแนะนำเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ โดยเฉพาะถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณมีอายุมากขึ้น มีปัญหาสุขภาพ หรือเป็นพันธุ์ที่เสี่ยงต่อความร้อน การดูแลสัตว์เลี้ยงให้สุขภาพดีและปลอดภัยในอากาศร้อนเป็นหน้าที่ของเจ้าของสัตว์เลี้ยง ดังนั้น ให้ใส่ใจและดูแลน้องหมาและน้องแมวของคุณให้เต็มที่


11
10 วิธีคลายร้อนให้น้องหมาน้องแมวในช่วงหน้าร้อน



เมื่ออากาศร้อนร้อนขนาดนี้ เรามาดูคลายร้อนให้น้องหมาและน้องแมวกันเล้ยย

1. มีน้ำวางไว้ตลอด
   ตั้งภาชนะน้ำที่มีน้ำสะอาดและเย็นให้น้องหมาน้องแมวดื่มเวลาที่ต้องการ หมั่นเปลี่ยนน้ำใหม่อย่างน้อยวันละครั้ง

2. เปิดพัดลมหรือแอร์
   ให้ความเย็นในพื้นที่ที่สัตว์เลี้ยงอยู่ เพื่อให้น้องหมาและน้องแมวมีที่พักผ่อนที่สบาย

3. หลีกเลี่ยงการนำสัตว์เลี้ยงออกไปเดินเล่นในเวลาที่อากาศร้อนมาก
   ก่อนจะพาไปเดินเล่นควรเลือกเวลาที่อากาศเย็นขึ้น เช่น ช่วงเช้าเร็นหรือเย็นช่วงหัวค่ำ

4. ควรมีที่กันแดดหรือพื้นที่ที่มีร่มเงา
   ตั้งที่พักผ่อนสำหรับสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ที่มีร่มเงา หรือในขณะที่นอนอยู่บ้านให้พื้นที่ที่มีการหมุนเวียนอากาศดี

5. ใช้เครื่องฉีดน้ำหรือผ้าขั้นชื้น
   ฉีดน้ำบางๆ บริเวณคอ, หู, และกระดูกเชิงกรานของน้องหมา ส่วนน้องแมวใช้ผ้าขั้นชื้นเช็ดบริเวณตัวเพื่อช่วยลดอุณหภูมิ

6. อย่าทิ้งสัตว์เลี้ยงในรถ
   อุณหภูมิภายในรถที่ไม่มีการระบายอากาศสามารถสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้น้องหมาและน้องแมวเสี่ยงต่อขาดอากาศ หรือเสียชีวิต

7. ตัดขนให้สั้นเล็กน้อย
   สำหรับสุนัขหรือแมวที่มีขนหนา แต่อย่าตัดให้หมดเพราะขนยังคงเป็นเครื่องป้องกันแสงแดดและความร้อนอยู่บ้าง

8. ฉีดน้ำในช่วงเวลาเย็น
   จัดเตรียมพื้นที่ที่สัตว์เลี้ยงสามารถเล่นน้ำได้ เพื่อช่วยลดความร้อน ตัวอย่างเช่น ให้น้องหมาเล่นกับสปริงเกอร์น้ำ หรือให้น้องแมวเล่นกับขามน้ำเล็กๆ

9. ตรวจสอบอุณหภูมิของพื้น
   พื้นที่ร้อนอาจทำให้น้องหมาหรือน้องแมวเจ็บเท้า ให้ทดลองวางมือบนพื้นดูว่าร้อนจนสามารถทนได้หรือไม่ หากไม่ทน ก็หลีกเลี่ยงพื้นที่นั้น

10. ให้อาหารเย็นๆ
   คุณสามารถปรับเปลี่ยนเมนูของน้องหมาและน้องแมวเป็นอาหารที่เย็นๆ เช่น ไอศกรีมพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยง หรือแช่อาหารเปียกในตู้เย็นก่อนให้เพื่อช่วยลดความร้อน

   การดูแลสัตว์เลี้ยงในอากาศร้อนเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรให้ความสนใจ ดูสัญญาณของการเป็นลมของสัตว์เลี้ยง เช่น หายใจเร็วและแรง, น้ำลายข้น, ความวิตกกังวล, อ่อนเพลีย, อาการชัก, หรืออาการผิดปกติอื่นๆ หากคุณสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้ ควรนำสัตว์เลี้ยงไปพบสัตว์แพทย์ทันที

นอกจากนี้ อย่าลืมให้ความรักและความใส่ใจกับสัตว์เลี้ยงของคุณ และสังเกตุพฤติกรรมของพวกเขา เพื่อแน่ใจว่าพวกเขาอยู่ในสภาพที่ดีและสบายใจในอากาศที่ร้อนอบอ้าว

สุดท้าย ควรหารือกับสัตว์แพทย์เกี่ยวกับคำแนะนำเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ โดยเฉพาะถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณมีอายุมากขึ้น มีปัญหาสุขภาพ หรือเป็นพันธุ์ที่เสี่ยงต่อความร้อน การดูแลสัตว์เลี้ยงให้สุขภาพดีและปลอดภัยในอากาศร้อนเป็นหน้าที่ของเจ้าของสัตว์เลี้ยง ดังนั้น ให้ใส่ใจและดูแลน้องหมาและน้องแมวของคุณให้เต็มที่


12
10 วิธีคลายร้อนให้น้องหมาน้องแมวในช่วงหน้าร้อน



เมื่ออากาศร้อนร้อนขนาดนี้ เรามาดูคลายร้อนให้น้องหมาและน้องแมวกันเล้ยย

1. มีน้ำวางไว้ตลอด
   ตั้งภาชนะน้ำที่มีน้ำสะอาดและเย็นให้น้องหมาน้องแมวดื่มเวลาที่ต้องการ หมั่นเปลี่ยนน้ำใหม่อย่างน้อยวันละครั้ง

2. เปิดพัดลมหรือแอร์
   ให้ความเย็นในพื้นที่ที่สัตว์เลี้ยงอยู่ เพื่อให้น้องหมาและน้องแมวมีที่พักผ่อนที่สบาย

3. หลีกเลี่ยงการนำสัตว์เลี้ยงออกไปเดินเล่นในเวลาที่อากาศร้อนมาก
   ก่อนจะพาไปเดินเล่นควรเลือกเวลาที่อากาศเย็นขึ้น เช่น ช่วงเช้าเร็นหรือเย็นช่วงหัวค่ำ

4. ควรมีที่กันแดดหรือพื้นที่ที่มีร่มเงา
   ตั้งที่พักผ่อนสำหรับสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ที่มีร่มเงา หรือในขณะที่นอนอยู่บ้านให้พื้นที่ที่มีการหมุนเวียนอากาศดี

5. ใช้เครื่องฉีดน้ำหรือผ้าขั้นชื้น
   ฉีดน้ำบางๆ บริเวณคอ, หู, และกระดูกเชิงกรานของน้องหมา ส่วนน้องแมวใช้ผ้าขั้นชื้นเช็ดบริเวณตัวเพื่อช่วยลดอุณหภูมิ

6. อย่าทิ้งสัตว์เลี้ยงในรถ
   อุณหภูมิภายในรถที่ไม่มีการระบายอากาศสามารถสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้น้องหมาและน้องแมวเสี่ยงต่อขาดอากาศ หรือเสียชีวิต

7. ตัดขนให้สั้นเล็กน้อย
   สำหรับสุนัขหรือแมวที่มีขนหนา แต่อย่าตัดให้หมดเพราะขนยังคงเป็นเครื่องป้องกันแสงแดดและความร้อนอยู่บ้าง

8. ฉีดน้ำในช่วงเวลาเย็น
   จัดเตรียมพื้นที่ที่สัตว์เลี้ยงสามารถเล่นน้ำได้ เพื่อช่วยลดความร้อน ตัวอย่างเช่น ให้น้องหมาเล่นกับสปริงเกอร์น้ำ หรือให้น้องแมวเล่นกับขามน้ำเล็กๆ

9. ตรวจสอบอุณหภูมิของพื้น
   พื้นที่ร้อนอาจทำให้น้องหมาหรือน้องแมวเจ็บเท้า ให้ทดลองวางมือบนพื้นดูว่าร้อนจนสามารถทนได้หรือไม่ หากไม่ทน ก็หลีกเลี่ยงพื้นที่นั้น

10. ให้อาหารเย็นๆ
   คุณสามารถปรับเปลี่ยนเมนูของน้องหมาและน้องแมวเป็นอาหารที่เย็นๆ เช่น ไอศกรีมพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยง หรือแช่อาหารเปียกในตู้เย็นก่อนให้เพื่อช่วยลดความร้อน

   การดูแลสัตว์เลี้ยงในอากาศร้อนเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรให้ความสนใจ ดูสัญญาณของการเป็นลมของสัตว์เลี้ยง เช่น หายใจเร็วและแรง, น้ำลายข้น, ความวิตกกังวล, อ่อนเพลีย, อาการชัก, หรืออาการผิดปกติอื่นๆ หากคุณสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้ ควรนำสัตว์เลี้ยงไปพบสัตว์แพทย์ทันที

นอกจากนี้ อย่าลืมให้ความรักและความใส่ใจกับสัตว์เลี้ยงของคุณ และสังเกตุพฤติกรรมของพวกเขา เพื่อแน่ใจว่าพวกเขาอยู่ในสภาพที่ดีและสบายใจในอากาศที่ร้อนอบอ้าว

สุดท้าย ควรหารือกับสัตว์แพทย์เกี่ยวกับคำแนะนำเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ โดยเฉพาะถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณมีอายุมากขึ้น มีปัญหาสุขภาพ หรือเป็นพันธุ์ที่เสี่ยงต่อความร้อน การดูแลสัตว์เลี้ยงให้สุขภาพดีและปลอดภัยในอากาศร้อนเป็นหน้าที่ของเจ้าของสัตว์เลี้ยง ดังนั้น ให้ใส่ใจและดูแลน้องหมาและน้องแมวของคุณให้เต็มที่


13
10 อันดับน้องหมาที่มีตวามทนทานต่อสภาพอากาศร้อนได้ดี

สำหรับสุนัขที่สามารถทนความร้อนได้ดี มีหลายสายพันธุ์ที่มีความสามารถในการปรับตัวกับสภาพอากาศที่ร้อน 10 สายพันธุ์ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของสุนัขที่ทนต่อสภาพความร้อนได้ดี




1. สายพันธุ์ชิวาวา (Chihuahua)

ขนาดเล็ก มีเสื้อคลุมน้อย สามารถหาความเย็นได้ง่าย



2. สายพันธุ์เกรย์ฮาวด์ (Greyhound)
มีขนสั้น และมีร่างกายบาง สามารถระบายความร้อนได้ดี



3. สายพันธุ์ไทยหลังอาน (Thai Ridgeback)
เป็นสุนัขพันธุ์ของประเทศไทย มีขนสั้น สามารถทนต่อสภาพความร้อนได้ดี นอกจากนี้ยังมีความอดทนและความแข็งแกร่ง ซึ่งสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี



4. สายพันธุ์เดส์เซิร์ต ดินกอน (Desert Dingo)
พันธุ์ที่พบในทะเลทราย สามารถทนความร้อนของภูเขาทรายได้ดี



5. สายพันธุ์วิปเป็ต (Whippet)
ร่างกายบางและขนสั้น สามารถระบายความร้อนได้ดี



6. สายพันธุ์บาเซนจิ (Basenji)
มีที่มาจากแอฟริกา โดยเฉพาะเขตร้อน ทนความร้อนได้ดี



7. สายพันธุ์ฟาราโอห์ ฮาวด์ (Pharaoh Hound)
มีที่มาจากเกาะมอลต้า ขนสั้น สามารถระบายความร้อนได้ดี



8. สายพันธุ์ซาลูกิ (Saluki)
ขนสั้น และมีร่างกายบาง สามารถระบายความร้อนได้ดี



9. สายพันธุ์เม็กซิกัน แฮร์เลส ด็อก (Mexican Hairless Dog, Xoloitzcuintli)
ไม่มีขน สามารถระบายความร้อนได้ดี และยังไม่ต้องกังวลเรื่องขนร่วง



10. สายพันธุ์ออสเตรเลียน เคลปี่ (Australian Kelpie)
พันธุ์สุนัขกังหันแกะ มีที่มาจากออสเตรเลีย และมีความสามารถในการทนความร้อน


14
10 อันดับน้องหมาที่มีตวามทนทานต่อสภาพอากาศร้อนได้ดี

สำหรับสุนัขที่สามารถทนความร้อนได้ดี มีหลายสายพันธุ์ที่มีความสามารถในการปรับตัวกับสภาพอากาศที่ร้อน 10 สายพันธุ์ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของสุนัขที่ทนต่อสภาพความร้อนได้ดี




1. สายพันธุ์ชิวาวา (Chihuahua)

ขนาดเล็ก มีเสื้อคลุมน้อย สามารถหาความเย็นได้ง่าย



2. สายพันธุ์เกรย์ฮาวด์ (Greyhound)
มีขนสั้น และมีร่างกายบาง สามารถระบายความร้อนได้ดี



3. สายพันธุ์ไทยหลังอาน (Thai Ridgeback)
เป็นสุนัขพันธุ์ของประเทศไทย มีขนสั้น สามารถทนต่อสภาพความร้อนได้ดี นอกจากนี้ยังมีความอดทนและความแข็งแกร่ง ซึ่งสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี



4. สายพันธุ์เดส์เซิร์ต ดินกอน (Desert Dingo)
พันธุ์ที่พบในทะเลทราย สามารถทนความร้อนของภูเขาทรายได้ดี



5. สายพันธุ์วิปเป็ต (Whippet)
ร่างกายบางและขนสั้น สามารถระบายความร้อนได้ดี



6. สายพันธุ์บาเซนจิ (Basenji)
มีที่มาจากแอฟริกา โดยเฉพาะเขตร้อน ทนความร้อนได้ดี



7. สายพันธุ์ฟาราโอห์ ฮาวด์ (Pharaoh Hound)
มีที่มาจากเกาะมอลต้า ขนสั้น สามารถระบายความร้อนได้ดี



8. สายพันธุ์ซาลูกิ (Saluki)
ขนสั้น และมีร่างกายบาง สามารถระบายความร้อนได้ดี



9. สายพันธุ์เม็กซิกัน แฮร์เลส ด็อก (Mexican Hairless Dog, Xoloitzcuintli)
ไม่มีขน สามารถระบายความร้อนได้ดี และยังไม่ต้องกังวลเรื่องขนร่วง



10. สายพันธุ์ออสเตรเลียน เคลปี่ (Australian Kelpie)
พันธุ์สุนัขกังหันแกะ มีที่มาจากออสเตรเลีย และมีความสามารถในการทนความร้อน


15
10 อันดับน้องหมาที่มีตวามทนทานต่อสภาพอากาศร้อนได้ดี

สำหรับสุนัขที่สามารถทนความร้อนได้ดี มีหลายสายพันธุ์ที่มีความสามารถในการปรับตัวกับสภาพอากาศที่ร้อน 10 สายพันธุ์ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของสุนัขที่ทนต่อสภาพความร้อนได้ดี




1. สายพันธุ์ชิวาวา (Chihuahua)

ขนาดเล็ก มีเสื้อคลุมน้อย สามารถหาความเย็นได้ง่าย



2. สายพันธุ์เกรย์ฮาวด์ (Greyhound)
มีขนสั้น และมีร่างกายบาง สามารถระบายความร้อนได้ดี



3. สายพันธุ์ไทยหลังอาน (Thai Ridgeback)
เป็นสุนัขพันธุ์ของประเทศไทย มีขนสั้น สามารถทนต่อสภาพความร้อนได้ดี นอกจากนี้ยังมีความอดทนและความแข็งแกร่ง ซึ่งสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี



4. สายพันธุ์เดส์เซิร์ต ดินกอน (Desert Dingo)
พันธุ์ที่พบในทะเลทราย สามารถทนความร้อนของภูเขาทรายได้ดี



5. สายพันธุ์วิปเป็ต (Whippet)
ร่างกายบางและขนสั้น สามารถระบายความร้อนได้ดี



6. สายพันธุ์บาเซนจิ (Basenji)
มีที่มาจากแอฟริกา โดยเฉพาะเขตร้อน ทนความร้อนได้ดี



7. สายพันธุ์ฟาราโอห์ ฮาวด์ (Pharaoh Hound)
มีที่มาจากเกาะมอลต้า ขนสั้น สามารถระบายความร้อนได้ดี



8. สายพันธุ์ซาลูกิ (Saluki)
ขนสั้น และมีร่างกายบาง สามารถระบายความร้อนได้ดี



9. สายพันธุ์เม็กซิกัน แฮร์เลส ด็อก (Mexican Hairless Dog, Xoloitzcuintli)
ไม่มีขน สามารถระบายความร้อนได้ดี และยังไม่ต้องกังวลเรื่องขนร่วง



10. สายพันธุ์ออสเตรเลียน เคลปี่ (Australian Kelpie)
พันธุ์สุนัขกังหันแกะ มีที่มาจากออสเตรเลีย และมีความสามารถในการทนความร้อน


หน้า:
  • 1 (current)
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5
  • 6
  • ...
  • 586